ประเทศไทยกับนายกคนต่อไป

ก่อนที่เราจะกล่าวถึงประเทศไทย เราลองมาดูตัวอย่างบุคคลที่น่าสนในยุคสมัย 3 ก๊กกัน ลองมาดูทัศนะคติปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าสนใจ 2 ท่าน


ในสมัย สามก๊ก มหาอำนาจผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดสมัยนั้นคือ โจโฉ เราลองมาฟังทัศนะคติของเขาดู

แม้นอายุเต่านี้ ยาวนาน                             มีวันสิ้นสำราญ ดับสูญ

มังกรจ้าวบาดาล มหาสมุทร เทียมเมฆ      มีเดชทะยานสุดฟ้าสูง บ่แคล้ว มรณัง

ม้าศึกคึกคะนอง ถูกขัง บริเวณ                  ไม่อยากหยุดวิ้งตะเบง สุดหล้า

แม้นวีรบุรุษถึงวัย ชราภาพ                        ไม่หมดสิ้นปรารถนา มุ่งมั่น พลังใจ

ด้วยใครที่สุขสม สมบูรณ์                          ดวงชะตาบ่ลิขิตคุณ ชั่วฟ้า

ด้วยประมาทอาจสูญ เพียงครู่ ชั่ววัน          ดาวดับสว่างค่ำมา แม้นฟ้า ยังเป็น

ความลำเค็ญมิอยู่ได้ ค้ำฟ้า                       ความชราหาได้มา อุปสรรค

ความลิขิตยิ่งเหนือฟ้า มิอาจ ทัดทาน        ความสำราญเกียรติศักดิ์ ก่อได้ ด้วยใจตน.

            พูดถึงโจโฉ ความสามารถไม่เป็นรองใครในยุค 3 ก๊ก รบใช้คนน้อยชนะคนมาก ฟังคำปราชญ์ รู้จักใช้คน ใช้คนตามความสามารถ มีสติปัญญามาก บัญชากองทัพได้ด้วยตนเอง ดำรงตำแหน่งสูงสุดเป็น"วุยอ๋อง" สร้างบารมีกุมอำนาจราชสำนักไว้ได้หมด สร้างความยิ่งใหญ่ให้ดินแดนทางเหนือของจีน "วุยก๊ก" มีพื้นที่ดินแดนปกครองมากสุดในยุค ทีนี้เรามาดูบทความว่าสื่อความหมายว่าอย่างไรบ้าง
รวมๆ ก็เป็นบทเตือนสติ บทส่งท้ายแปลได้ว่า คนเราไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน ฟ้ามิอาจลิขิตผู้ที่มีความมุ่งมั่นเพื่อจุดมุ่งหมาย อุปสรรค์ความลำบากยากเข็ญใดๆ ก็ต้องมีวันสลาย น้ำยังมีขึ้นมีลง ท้องฟ้ายังมีมืดมีสว่าง
            ผมว่าบทความของโจโฉนี้เหมาะสำหรับผู้กล้า ผู้อาจหาญไม่หวาดหวั่นย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ บ่งบอกความคิดของผู้ประพันธ์ว่ามีความอาจหาญ ฝ่าฟันอุปสรรค ไม่หวาดหวั่น หวั่นเกรงใดๆ จนก้าวมายืนอยู่จุดสูงสุดของอำนาจ  ทีนี้เราลองมาแปลให้เป็นธรรมะดูหน่อยเพราะอาจมีประโยชน์ต่อผู้ที่ยังแสวงหา บทความก็แปลได้ว่า ผู้ที่จะก้าวข้ามวัฏฏะสงสาร ต้องมีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ เมื่อตั้งเป้าหมายไว้อย่างใดแล้ว คำว่าไม่สำเร็จไม่มี ฟ้าดินก็ไม่อาจขวางได้ ถือได้ว่าเป็นสุดยอดของใจคน พุทธะทุกองค์ก็มีจิตใจเช่นนี้ ถ้าจิตใจต่ำกว่านี้ก็ข้ามยาก


          ทีนี้ลองมาฟังทัศนะของปราชญ์อีกคนแห่งยุคสามก๊ก ขงเบ้ง ผู้เป็นอัจฉริยะรอบด้าน

1. ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไรคุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
    เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย     เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
    เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้ แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"

2. นกทำรังให้ดูที่ไม้ ข้าเลือกนายให้ดูที่น้ำใจ

3. ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด

4. ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

5. ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี

6. ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย

7. เล่นหมากรุก                     อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว
    เดินหมากรุกยังต้องคิด     เดินหมากชีวิตจะไม่คิดได้อย่างไร

8. เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิ
หรือต่อว่าเขาเพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขาท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้

9. การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น

10.ผู้ปกครองระดับธรรมดา     ใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่
     ผู้ปกครองระดับกลาง         ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่
     ผู้ปกครองระดับสูง             ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่

11.อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น

12.เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่" หรือ "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ"
     เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่"
     เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูตเพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร

13.เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ"
     หล่อนมีความหมายว่า "ใช่" หรือ "ได้" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่" หรือ " ได้"
     หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี.สุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่าย ๆ

14.คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย

15.ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้  แต่ไม่สามารถมองเห็นคิ้วของตน

16.คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น   แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต

               มาดูบทที่น่าสนใจกันเอาบทที่ 1  มักมีคำกล่าวว่า"ผู้ที่เป็นปราชญ์มักมีความเห็นคล้ายกัน" โจโฉและขงเป้งมีทัศนะคล้ายกันแต่ต่างกันที่วิธีการ เราลองมาดูวิธีการกันครับ

                            เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย   เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
                            เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้ แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"

เป็นการกล่าวถึงวิธีการก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่เก่งกล้าสามารถย่อมไม่รอชะตาฟ้า ใช้สติปัญญา วิริยะและอุตสาหะของตนเป็นที่ตั้ง เปรียบเทียบกับตัวขงเบ้งที่เก่งกาจรอบด้าน ทั้งสำเร็จสรรพวิชาหลากหลาย มีสติปัญญา มีวาทะศิลปเป็นเลิศ ทั้งดนตรี กวี ศิลป การทหาร ดูแลรักษาบ้านเมือง

          ทีนี้เราลองเอาปราชญ์ทั้ง 2 ท่านนี้มาอยู่เมืองไทยในยุคปัจจุบันจะเป็นอย่างไรบ้างก็ลองฟังทัศนะของผมดูละกัน

เอาเปรียบเทียบง่าย ๆ ดีกว่าเอาเป็นว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทยเราควรจะเลือกคนไหนดีระหว่าง มหาอุปราช "โจโฉ" กับ อัจฉริยะแห่งยุค "ขงเป้ง" เริ่มลงคะแนนได้......
ผลการลงคะแนนออกมาแล้วครับ คะแนนสูสีกันมากครับ ประกาศ......นายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย คือ........โจโฉ ครับ ชนะไปด้วยคะแนน 85 : 74 เสียง บัตรเสีย 11 ไม่ลงคะแนน 30

มาดูสาเหตุของชัยชนะครั้งนี้ครับ คนไทยเรายุคนี้แปลกครับ อะไรดี ๆ มีอยู่ไม่ค่อยชอบ หัวอ่อน สมองเบา เฮกันไป ติดกระแส ไม่ค่อยได้คิด จะว่าไม่มีความคิดเลยก็ไม่ได้เพราะยุคนี้การศึกษาดี ผมว่าน่าจะขาดจุดยืน เขาเรียกว่าขาดเป้าหมาย เป้าหมายไปคนละทิศละทาง รัฐบาลแต่ละชุดเข้ามาก็มีเป้าของตัวเอง มาอยู่ปี 2 ปี ก็ไป รัฐบาลชุดใหม่มาก็มีเป้าของตัวเองอีก ขาดความต่อเนื่อง มีแต่มาสร้างกระแสพอกระแสตกแล้วก็ต้องไป ประเทศไทยถึงได้เป๋ซ้าย เป๋ขวาอยู่อย่างนี้ เพื่อนบ้านเขาไปถึงไหนกันแล้ว เดี๋ยวพวกรู้ดีจะมาเถียงอีก ว่าเราก็มีนโยบายแห่งชาติ นะไม่ใช่ไร้ทิศทาง ผมก็ตอบละ แล้วไงหละนโยบายวางไว้สวยหรู ได้ทำไปตามทางนั้นไหมละ เอาความจริงมาคุยกันดีกว่า 

ทำไมต้องโจโฉมาเป็นนายกคนต่อไปละ ก็มาดูบุคลิกกันก่อน โจโฉเป็นคนมีความรู้ความสามารถมาก รู้จักหลบหลีก อ่อนเป็นแข็งเป็น ใช้คนเป็น ใครเก่งให้ตำแหน่งสูง ใครเลวปลดทิ้งทันที ไม่มีย้ายไปตำแหน่งใหม่ เลวที่โน้นก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ อย่างนี้ไม่มีสำหรับโจโฉ ใช้คนจากความสามารถ ไม่เอาพวกพ้อง นี่เป็นข้อที่ 1 ผู้นำต้องมี
         
รู้จักอ่อน รู้จักแข็ง เมื่อตั๋งโต๊ะเรืองอำนาจ โจโฉ ก็อ่อนน้อมเข้าไปหาได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจมาก พอตอนหลังก็จะทำการลอบสังหาร แต่เมื่อทำไม่สำเร็จก็หลบหนีไปตั้งกองกำลัง 11 หัวเมือง เพื่อมาปราบโจรตั๋งโต๊ะ ซึ่งตอนนั้นเล่าปี่ยังเป็นทหารต๊อกต๋อยวิ่งเล่นอยู่แถวหน้าลานสนามรบอยู่เลย โจโฉเริ่มฉายแววความเป็นผู้นำเมื่อเห็นกองทัพหัวเมืองแตกความสามัคคี ตัวเองก็แยกตัวออกไปตั้งกองกำลังเองและเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ นี่เป็นข้อ 2 ผู้นำต้องมี
 
มีปณิภานที่ยิ่งใหญ่ คือต้องการรวมทุกแคว้น ต้องการรวมให้เป็นประเทศ มีใจคิดการใหญ่อยู่ตลอดเวลา บ้านเรายังไม่มีผู้นำคนไหนที่คิดเช่นนี้ มีแต่ใกล้เคียงแต่ก็โดนแตะโด่งออกนอกประเทศไปแล้ว นี่เป็นข้อสำคัญ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ต้องมี
 
ทั้ง 3 ข้อที่กล่าวมานี้บ้านเราต้องการอย่างมาก เราก็ลองให้คะแนนดูก็ได้ ข้อละ 100 คะแนน รวมเป็น 300 คะแนน มีนายกคนไหนได้เกินครึ่งบ้าง เอาทั้ง 27 คนเลย ซัก 5 คนได้มั้ง เกินครึ่งแต่คงไม่เกิน 200 คะแนน ส่วนใหญ่ตายตั้งแต่ข้อ 1 เราอย่าหาคนดีที่เก่งมาเป็นนายกนะ อยู่ไม่นาน ทำไรไม่ค่อยได้มาก เราต้องหาคนเก่งที่จะดีคนอย่างโจโฉอยู่ได้ ส่วนขงเบ้งนี้เอากันจริง ๆ ผมว่าจะสละสิทธิ์มากกว่าขนาดเล่าปี่ต้องไปเชิญถึง 3 ครั้ง ต้องไปพูดอ้อนวอนต่าง ๆ นานา เพื่อให้มาช่วยบ้านเมือง เรื่องความสามารถขงเบ้งย่อมมีมากกว่า โจโฉ แต่ต้องรอให้ผ่านยุคโจโฉปกครองก่อน ขงเป้งถึงเหมาะจะมาเป็นนายกคนต่อไปได้.




                                                                       กลับ