เจ้าแม่กวนอิม (ลอยองค์)
ขนาด 15 x 48 Inch.
วัสดุ ไม้สัก
* งานปราณีตมากดูแล้วรู้สึกอ่อนโยน มีเมตตา เป็นงานที่ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากที่สุดอีกแบบหนึ่ง (ลูกค้าระบุขอหน้าออกไทย)
ขนาด 25 x 59 Inch.
วัสดุ ไม้สัก
* เป็นการแกะลักษณะนูน 3 มิติ ลักษณะเหมือนองค์ท่านลอยอยู่บนเมฆ เพื่อมาโปรดสัตว์โลก
เจ้าแม่กวนอิม (แบบแผ่นติดผนัง)
ขนาด 20 x 40 Inch.
วัสดุ ไม้สัก
* เป็นการแกะแบบแผ่นติดผนัง แต่ก็ทำให้ดูเป็นมิติมีความลึก ตื้น เป็นการแกะ 3 ชั้น แสดงความเมตตาหาประมาณมิได้.
เจ้าแม่กวนอิมพันมือ
ขนาด Hight : 3 m.
วัสดุ ไม้สัก
* องค์นี้ใช้เวลาในการแกะนานมากครับเกือบปี ค่อย ๆ เก็บรายละเอียดไปเลื่อย ๆ เป็นปางพันมือ ฐานล่างสุดเป็นหัวมังกรล้อม 8หัว ถัดมาเป็นฐานดอกบัวแล้วจึงมาเป็นองค์พระครับ เป็นองค์แสดงปาฏิหารย์มีฤทธิ์มาก ขออะไรก็สำเร็จสมประสงค์ ป้องกันภัยต่าง ๆ เรียกได้ว่าปางนี้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครเลย องค์นี้หน้าจีนครับ
ในการแกะรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิมนั้น ทางลูกค้าสามารถเลือกขนาด หรือรูปแบบได้ตามต้องการ งานเจ้าแม่กวนอิมจะเน้นความพริ้วไหวของชายเสื้อ และความอ่อนช้อยของใบหน้า มือ หรือเป็นแสดงฤทธิ์ พันมือ ขี่มังกร ทยานก้อนเมฆ ฯ
เดี๋ยวลองฟังประวัติเจ้าแม่กวนอิมพันมือคร่าว ๆ ก่อนแบบไม่เหมือใคร ประวัติกล่าวว่าเจ้าแม่กวนอิมนั้นเกิดสมัยราชวงศ์โจว แผ่นดินจงหยวน ทางตะวันตกที่เมือง ซินหลิน เป็นธิดาของกษัตริย์ เมี่ยวจ้วน มารดาชื่อ เป่าเต๋อ มีพี่น้องด้วยกันสามองค์เป็นธิดาองค์โตชื่อเมี่ยวอิม องค์รองชื่อเมี่ยวหยวน องค์สุดท้องชื่อเมี่ยวซ่าน(เจ้าแม่กวนอิม) องค์หญิงเมี่ยวซ่านเป็นผู้ที่ฝักใฝ่ในทางธรรม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผู้มั่นคงทางธรรมผ่านอุปสรรค์น้อยใหญ่จนสำเร็จธรรมขั้นสูง จีนในสมัยนั้นพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลจากธิเบต ลัทธิมหายาน เน้นการฝึกตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น สำเร็จโพธิญาณเป็นโพธิสัตว์ ซึ่งแตกต่างกับของไทยเราที่นิยมหินยานที่เน้นการฝึกตนเองให้สำเร็จก่อน ลองดูความหมายของหินยานกับมหายาน
หินยาน คือ พาหนะเล็กน้อย สำเร็จยาก ประมาณเท่ารูเข็มหรือเล็กกว่า
มหายาน คือ พาหนะอันใหญ่ ที่สามารถกอบโกยเอาสรรพสัตว์ให้พ้นจากห้วงทุกข์ได้มาก
นี่คือความแตกต่าง ขออธิบายเพิ่มเติมหินยานก่อนครับ เป็นยานเล็ก สำเร็จยาก เท่ารูเข็มก็คือการฝึกฝนให้จิตหลุดพ้นนั่นยากมาก ต้องใช้ฌาณสมาธิขั้นสูงจึงสามารถเปิดช่องของใจให้ได้ใหญ่เท่ารูเข็มเพื่อที่ให้จิตรอดรูเข็มนั้นออกไปจึงหลุดพ้นได้ ถ้าเปรียบเทียบเป็นรูปร่างหน่อยก็ประมาณลูกไก่ที่พึ่งฟักตัวออกจากไข่ต้องใช้กำลังของตัวเองในการเจาะเปลือกไข่ให้ตัวเองหลุดพ้นออกจากไข่ให้ได้ประมาณนี้ อันนี้ฝ่ายมหายานเขาว่าไว้ ถ้าอย่างเราท่านทั้งหลายที่ฝึกฝนทางฝ่ายหินยานก็คงต้องแย้งไปว่า เมื่อเข้าถึงฌาณที่ละเอียดก็สามารถย่อ ขยาย ยึดหด สั้นยาว ดึงเข้ามาใกล้หรือให้ออกไปไกล รวมทั้งทำองค์ฌาณให้มากขึ้น น้อยลงได้แล้ว คงไม่ต้องมุดออกไปอย่างเขาว่า นี่ก็เป็นความเข้าใจที่ต่างกัน
ส่วนมหายานนั้นจะคลายกับศาสนาคริสครับคือเน้นหนักการทำบุญ บริจาคทาน คือช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้มากที่สุด สังเกตุดูจะเห็นได้ว่าผู้ที่นับถือศาสนาคริสกับพุทธ มหายาน มักจะเป็นผู้มั่งคั่ง ร่ำรวย เพราะเน้นการให้ ส่วนการฝึกฝนจะรองลงมา อย่างคนจีน หรือพวกฝรั่งนี่เขาหนักไปทางทานบารมี จำไว้อยากรวยต้องเน้นทานบารมีเด้อ
ที่จริงแล้วผู้ที่ฝึกฝนถึงระดับหนึ่งก็จะเข้าใจตรงกันว่า ทั้งสองลัทธิเหมือนกันต่างกันที่การเริ่มต้น อย่างคนเราทั่วๆ ไปก็อยู่ทั้งสองลัทธินี้แหละ บางคนชอบปฏิบัติก็จะเน้นปฏิบัติ บริจาคบ้าง ช่วยเหลือบ้างตามกำลัง ไม่ค่อยชอบยุ่งกับคนอื่น บางคนก็ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ใส่ซองอย่างเดียว งานบุญงานบวชไปไม่ขาด นี่ก็แยกกันตามลักษณะความชอบของแต่ละคน ที่สุดแล้วก็ต้องปฏิบัติเหมือนกันหมดถึงจะหลุดพ้นได้ ทำบุญให้ตายยังไงก็ได้แค่เทวดา พรหม (เดี๋ยววันหลังคุยเรื่องทำบุญให้เป็นพรหมดีก่า) ยังไม่พ้นทุกข์ แต่เกิดมาก็สบายกว่าใครเขาหน่อย หากินง่าย
ทีนี้ก็มาว่าเรื่องเจ้าแม่กวนอิมพันมือต่อ เมื่อท่านบรรลุธรรมแล้วท่านก็ออกช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากต่อไปส่วนพระบิดา ปกติก็ไม่สนใจในธรรม เรื่องศาสนาไม่คุย ก็ใช้ชีวิตตามสไตล์ผู้มีอำนาจ วาสนาหลงระเริงกันไปสุดท้ายก็วายชีวา มันสำคัญตรงนี้สิ เมื่อตายแล้วไปไหนละก็ นรกสิครับ สั่งฆ่ามาเยอะ ตีเมือง ชิงเมือง สลายการชุมนุม(เกี่ยวไหมนิ)ตกลงไปเฉียดอเวจีไปนิด ไปอยู่แถวหุบเขาน้ำแข็ง หนาวเย็นมากมายลบร้อยกว่าองศาเลยที่เดียวเชียว เสื้อผ้าก็ไม่มีใส่ ความก็ทราบมาถึงเจ้าแม่กวนอิม ฟังดูจักรๆ วงศ์ๆ นะ ท่านก็ทราบด้วยญาณทิพและด้วยความกตัญญูจึงได้ทำพิธีเพื่อไปยังนรกภูมิ เจรจากับท่านยมบาลขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ได้ความว่ายมบาลท่านช่วยไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว ส่งเรื่องช้ากว่ากำหนดช่วยไม่ได้ มีแต่เจ้าแม่กวนอิมเท่านั้นที่ช่วยได้ต้องไปช่วยเอง ทางเข้าไปนั้นต้องผ่านด่านของผีอดยากหิวโหย ผีไม่มีเสื้อผ้าใส่ ผีเร่ร่อน ถ้าเห็นมนุษย์เข้าไปก็จะรุมทึ้ง กัดกินได้ เมื่อทราบความดังนั้นก็กลับมายังโลกมนุษย์ตามเดิม ปรึกษากับลูกศิษย์ว่าทางเข้าไปช่วยบิดานั้นต้องผ่านนี้ ๆ ถึงจะช่วยพระบิดาออกมาได้ เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าองค์หญิงเมี่ยวซ่านต้องการไปช่วยพระบิดาต้องใช้เสื้อผ้าจำนวนมาก ธูปเทียน เพื่อเผาให้กับผีอดยาก เหล่านั้น ระยะทางไปกลับใช้เวลา 7 วัน ต้องเผาให้ไปเลื่อย ๆ อย่าหยุดเพื่อให้พวกผีไม่มาสนใจในองค์ท่าน ไม่อย่างนั้นองค์หญิงจะเกิดอันตรายกับชีวิตและร่างกายได้เพราะผีเหล่านี้มีจำนวนมากมายเหลือคณานับ เมื่อถึงวันทำพิธีชาวบ้านก็นำเสื้อผ้า ธูปเทียน มาให้กับลูกศิษย์นำไปเผาทุกวันจนเข้าวันที่สี่องค์หญิงเมี่ยวซ่านก็เข้าไปถึงหุบเขาน้ำแข็งช่วยพระบิดาออกมาได้ขากลับวันที่เจ็ดวันสุดท้าย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เสื้อผ้าและธูปเทียนที่ชาวบ้านนำมาช่วยก็หมด ต่างกับบุญนะยิ่งให้ยิ่งมี ๆ เมื่อไม่ได้เผาเสื้อผ้าและธูปเทียนไปให้ เหล่าผีอดยากก็ได้เข้ามาห้อมล้อมเจ้าแม่และพระบิดาเพื่อ หวังจะกัดกินท่านทั้งสอง เหตุการณ์มาถึงตรงนี้องค์หญิงเมี่ยวซ่านต้องการช่วยพระบิดาของตัวเองให้ได้ก็เลยตัดสินใจตัดแขนตนเองเพื่อให้กับเหล่าผีอดยาก เมื่อเหล่าภูติผีพากันไปรุมทึ้งแขน ท่านจึงได้พาพระบิดาและตัวเองออกมาจากกลุ่มผีได้ และก็ได้ส่งให้ดวงวิญญาณพระบิดาไปอยู่ยังสถานที่หนึ่ง ที่ไหนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องของเรา ไปคิดกันเอาเองลูกเป็นมหาโพธิสัตว์พ่อแม่จะไปอยู่ไหนหนอ
องค์หญิงเมี่ยวซ่านเมื่อกลับมาถึงยังโลกมนุษย์ ก็เหลือแขนข้างเดียว ลูกศิษย์และชาวบ้านต่างพากันโศกเศร้า ทั้งชาวบ้านและลูกศิษทั้งหลายจึงได้คิดช่วยกันสร้างรูปเคารพขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์บูชาความดีของพระนางสร้างให้เหมือนกับตัวจริง เมื่อช่างปั้นเสร็จทุกคนต่างพากันมาดูแต่ก็พากันสลดใจที่เห็นองค์รูปเคารพมีแขนข้างเดียวจึงแยกย้ายพากันกลับ ต่างคนก็คิดว่าจะไปปั้นแขนอีกข้างเพื่อมาใส่ให้กับรูปปั้นแทนแขนที่ขาดหายไป รุ่งขึ้นชาวบ้านนับพันแต่ละคนต่างฝ่ายต่างก็ถือมือมาคนละข้างเพื่อที่จะนำมาต่อแขนข้างที่ขาดนั้น เมื่อเห็นดังนั้นองค์หญิงเมี่ยวซ่านจึงได้บอกให้ทุกคนนำแขนข้างหนึ่งที่นำมาด้วยนั้นไปติดไว้กับรูปปั้นทั้งหมดเลย คือใครเอามาก็ให้เอาไปติด พอติดเสร็จปาฏิหาร์ยก็บังเกิดองค์หญิงเมี่ยวซ่านก็มีแขนงอกออกมาใหม่ใช้ได้ดีดังเดิม นับแต่นั้นมาจึงมีรูปเคารพขององค์เจ้าแม่เป็นปางพันมือ จบแล้วจ้า..
* กตัญญูเป็นธรรมข้อใหญ่ ขาดไม่ได้ บรรรุได้หรือไม่นั้นธรรมข้อนี้เป็นบาตรฐาน*
* ถ้าไม่กตัญญูอย่าคุยว่าเป็นคนดี
กลับ