การเข้าถึงธรรม


ธรรมฺ ความหมายคือ ธรรมชาติ ธรรมดา
อันดับแรกในการศึกษาธรรมก็ต้องเข้าใจความหมายของมันก่อน ธรรมชาติคือความเป็นไปต่าง ๆ อาทิ ดิน ฟ้า อากาศ หิว อิ่ม ก้อนหิน เดิน ยืน สวย เหม็น หอม โต๊ะ เก้าอี้ เจ็บป่วย ฯ ธรรมชาติก็คือความเป็นไปที่เกิดขึ้น ที่มองเห็น รู้สึก ได้ยิน เหล่านี้ ธรรมชาติคือการรู้จัก ธรรมดาคือการเข้าถึง เป็นแง๊ะง่าย ๆ

ธรรมชาติคือการรู้จัก + ธรรมดาคือการเข้าถึง =  ธรรมฺ

               ผู้เข้าถึงธรรมคือผู้เข้าใจธรรมชาติ ปล่อยวางเป็นธรรมดา แค่นี้ก็เรียกได้ว่าสำเร็จธรรมอีกขั้นหนึ่ง เมื่อผ่านบททดสอบก็จะก้าวข้ามผ่าน เป็นระดับ ๆ ไป เราจะรู้ได้เอง แล้วบททดสอบมาจากไหน อันนี้ก็บอกไม่ได้นะแต่จะรู้ได้เช่น เมื่อเราตั้งสัจจะความดีอย่างใดอย่างหนึ่งไว้เอาเป็น จะนั่งสมาธิให้ได้ 1 ชั่วโมง บททดสอบก็อาจจะมี มดกัดบ้าง ยุงบ้าง ร้อน หนาว เสียงดัง ฯ เหล่านี้เป็นต้น นี่เป็นการอธิบายแบบง่าย ๆ จะได้มองเห็นภาพแต่บททดสอบที่จริงจะมาแบบตอนเราเผลอ ไม่รู้ตัว เขาจะมาวัดว่าสิ่งที่เราตั้งไว้ทำจริงแค่ไหน มั่นคงเพียงไร มีลักษณะ 2 แบบคือ เป็นการทดสอบกำลังใจ มีลักษณะคลายตัวอย่างการนั่งสมาธิ ทำได้ไหม ทำถึงไหม อีกแบบจะเป็นการทดสอบความสนิทแน่นของธรรมที่เรามี ก็จะเป็นการทดสอบความมั่นคงในธรรมที่เราได้ว่ายังหนักแน่นในธรรมนั้นอยู่หรือไม่  บททดสอบจะไม่มาอย่างที่เราคิด นึก แต่จะมาแบบเนียน ๆ แต่เมื่อเรากระทำบททดสอบนั้นแล้ว ก็จะรู้ได้ว่านี่คือบททดสอบ บางคนรู้ได้เมื่อทำเสร็จ บางคนรู้ได้เมื่อผ่านไปไม่นาน บางคนก็เป็นเดือน เป็นปี อันนี้แล้วแต่ความไวของธรรมของปัญญาที่มีในแต่ละคน ผมไม่สามารถบอกได้ว่าวิธีใดสามารถรู้ได้เร็วมันอยู่ที่เราต้องมีเป้าหมายที่แท้จริงก่อน ไม่อย่างนั้นก็คงยาก

เป้าหมาย บางคนตั้งเป้าหมายของชีวิตคือความร่ำรวยเป็นเศรษฐี มั่งคั่ง ก็ต้องขยันทำงาน หาวิธีเพื่อจะให้ได้ทรัพย์มาเยอะ ๆ ใช่มะ บททดสอบก็คือ ความอิจฉาริษยา การกลั่นแกล้ง การคดโกงเอารัดเอาเปรียบ ความตระหนี่ ถูกปล้น ไฟไหม้ สารพัดถ้าคุณไม่ย่อท้อ หรือยอมแพ้ก็จะไปถึงเป้าหมายแน่ อันนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องกรรมเก่าของเขานะ ถ้ารวมกรรมเก่าด้วยก็อาจไม่สำเร็จในชาตินี้หรือเร็ว ๆ นี้ อาจเป็นอายุย่างเข้า 60-70 ปีจึงมั่งมีอย่างที่ต้องการ หรือไปว่ากันต้องเกิดชาติใหม่ เหมือนบางคนเขาทำบุญมักจะอธิฐานของให้ถูกหวยรางวัลที่ 1 ทำเมื่อไรก็ขอ นี่ก็เป็นเป้าหมายอย่างหนึ่ง เหล่านี้เป็นเป้าหมายเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่ปฏิบัติธรรมจริง ๆ นั้นควรมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งธรรม คือ นิพพาน ถึงเราจะขี้เกียจปฏิบัติ ยังสนุกกับโลกอยู่ แต่เมื่อเรามีเป้าหมายคือ นิพพาน ก็จะช่วยให้เราไม่หลงทาง ถึงแม้จะใช้เวลานานแต่ก็ยังถูกทางอยู่ พระท่านว่าผู้ที่มีนิพพานอยู่ในใจ ท่านว่าสามารถสำเร็จโสดาบันได้อย่างแน่นอน ผู้สำเร็จโสดาบันขยันหน่อยก็ 3 วัน 7 วัน เข้านิพพาน ขี้เกียจหน่อยก็ 3 ปี 7 ปี ถึงเข้านิพพาน ส่วนพวกขี้เกียจมากก็ 3 ชาติ 7 ชาติ ถึงเข้าได้ ไม่นาน ๆ ค่อย ๆ ไปใจเย็น ๆ ขออย่างเดียวให้ถึงนิพพานก็พอ ใช่ม๊ะ

นิพพานัง ปรมัง สุขขัง   นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง แค่คิดถึงก็ยังเป็นสุขแล้ว เนอะ!!!

ธรรมะทำได้ง่าย ๆ เห็นได้ง่าย ๆ เข้าถึงง่าย ๆ อย่างที่ผมเขียนบทความมาทั้งหลายบทความก็จะพยายามอธิบายธรรมให้ง่าย เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ธรรมะก็จะเป็นไปในลักษณะนี้แต่ต่างกันที่ความละเอียดในธรรม ยิ่งเข้าใจธรรมละเอียดมากลักษณะการใช้ชีวิตก็จะธรรมดามาก อย่างพระสงฆ์ที่เข้าถึงธรรมขั้นสูงก็จะมีลักษณะอย่างนี้คือเป็นธรรมดา เรียบง่าย สบายดูแล้วสบาย ๆ แต่ว่าต้องดูให้เป็นนะครับว่าธรรมดาอย่างผู้รู้กับธรรมดาอย่างผู้หลง จะได้ไม่ถูกหลอกอีก ส่วนอย่างที่ไม่เป็นธรรมดามีอิทธิปาฏิหารย์ก็ต้องดูอีกว่าจริงไหม ใช่ไหม ธรรมะเป็นวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ ทดสอบได้ ทดลองได้ รู้ได้เห็นได้บางอย่างก็ให้คนอื่นเห็นได้ บางอย่างก็เห็นด้วยตัวเองใครอยากรู้อยากเห็นก็ต้องคิดเอง ทำเอง อย่างนี้เป็นต้น.


                                                               กลับ