วิธีทดสอบผลการปฏิบัติ ผลบุญ ส่วนใหญ่ผมจะใช้เฉพาะแค่ให้รู้ ให้ทราบเท่านั้นไม่ได้หวังผลจริงจัง หรือไม่ได้ทำเพื่อจุดประสงค์นั้นแค่ต้องการรู้ว่าการปฏิบัติของเรา ความดีของเรานั้น ถูกต้องหรือไม่ เป็นของจริงไหม อย่างสมมุติเราทำความดีมานี้มันดีจริงหรือไม่ มีผลไหม ผมก็ใช้วิธีทดสอบง่าย ๆ ก็คือ การอธิฐานขอว่าความดีที่ข้าพเจ้าได้ทำมานี้ถ้ามีจริง ขอให้ได้ในบางสิ่ง หรือสำเร็จบางสิ่งที่ไม่มากมายทำนองนี้ การทดสอบทดลองนั้นควรจะใช้แค่ให้พอรู้ เห็น ไม่ควรใช้เรื่อยเปื่อย ไม่ใช่ว่าพอได้ผลก็ขอยัน ระวังพวกจะสวนกลับทดสอบจิตใจ ไม่ให้ซะ เสียซะ แพ้ซะ จากไม่ได้กลับเสีย ก็เพราะบางทีอาจโดนลองใจว่าท่านทำบุญเพื่อหวังผลหรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดไม่ได้ตามที่เราขอ เราหวัง ก็จะไปโทษว่าความดีหรือบุญที่ทำไม่มีผล ไม่มีจริง ก็จะล้มเลิกไปเสีย ทำให้สูญเสียทางแห่งพุทธะ ก็หลงกันไปตามระเบียบ ทางที่ดีควรขอเฉพาะตอนจำเป็นจริง ๆ ตอนเข้าตาจน ตอนที่สุด ๆ จริง ๆ แล้วเมื่อนั้นท่านจะซึ้งกับบุญกุศลที่ท่านได้ก่อ ได้สร้างไว้ ผมแนะนำถ้าไม่ถึงที่สุดก็อย่าไปอธิฐานขอ คนฉลาดทำอะไรก็รู้จักคิด เขาไม่เอามาทำฟุ่มเฟือย เอาแค่พอรู้ก็พอ จำไว้แค่รู้ก็พอแล้วทางดำเนินจะสงบ ไม่ใช่เอะอะขอตะพึด เราควรเกิดมาเพื่อชดใช้บาปไม่ใช่เกิดมาเพื่อใช้บุญ ของมันมีวันหมดนะขอบอก ถ้าบาปหมดเราก็มีโอกาสไปสวรรค์ ไปนิพพาน แต่ถ้าบุญหมดนี่จะไปไหนหละ โชคดีบางทีอาจได้เกิดเป็นผีเสื้อก็น่ารักดีนะ ใครสนใจมั่ง
ต่อไปเรามาดูที่หัวข้อที่เกริ่นไว้ว่า "สร้างวิมานในอากาศ" เราคงเคยได้ยินว่าพวกที่ชอบเพ้อฝัน เหม่อลอย เป็นพวกสร้างวิมานในอากาศ ไร้สาระไม่มีแกนสารและคงไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ผมจึงอยากจะนำเสนอแนวทางสำหรับพวกสร้างวิมานในอากาศ สร้างอย่างไรถึงจะดี จะได้ไปสวรรค์กับเขาได้ ไม่ยาก ๆ ก่อนอื่นต้องรู้แนวก่อนว่าเราเป็นอย่างไร อย่างแรกเรามีจินตนาการเยอะ ออกแนวเบื่อโลก เบื่อสังคม ชอบปล่อยอาราณ์ ล่องลอย นี่แหละอารมณ์ของพุทธะ เอ๊ะยังไงหลายคนอาจสงสัย ฟังไปเรื่อย ๆ ก่อนเดี๋ยวดีเอง อารมณ์ที่กล่าวมานี้เป็นอารมณ์พื้นฐานยังใช้ไม่ได้ ต้องนำมากลั่นกรอง ให้มีระบบก่อนถึงจะใช้ได้ ถ้าคุณจับหลักได้รับรองเห็นผลแน่นอน วันนี้ผมนำเสนอสำหรับพวกที่สร้างวิมานในอากาศแบบชอบเหม่อมองท้องฟ้าก่อนคิดว่าน่าจะเยอะกว่าพวกอื่น ๆ ถ้าเราชอบเหม่อมองดูท้องฟ้า ดูก้อนเมฆ ประมาณนี้นะ มันเป็นของเก่าติดมาชาติก่อน ๆ เราอาจเป็นโหร เป็นนักรบ เพราะสมัยก่อนเขาจะมีวิชาดูเมฆก่อนออกจากบ้าน ก่อนไปรบ อาจติดเรามา เขาเรียกว่าเป็นความเคยชินมาก่อนเพียงแต่เรายังไม่รู้ตัวเองก็เลยทำให้กลายเป็นคนผิดแผกแตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป ปกติเราดูเราก็ดูของเราไปเรื่อยไม่ได้จับจุดตรงไหนหรือไม่ได้ใสใจมันก็เลยไม่ค่อยจะมีผล ต่อไปถ้าท่านดูฟ้า ดูเมฆ ก็พยายามดูก้อนเดียว ก้อนเล็กก็ได้ ใหญ่ก็ได้ตามชอบใจ ดูว่ามันไปทางไหน เปลี่ยนแปลงไปยังไง ไปรวมกับก้อนอื่น หรือแตกแยกออกจากกัน ก้อนที่เราดูนั้นลักษณะเหมือนอะไร แล้วมันเปลี่ยนเป็นอะไร แต่อย่าไปคิดแทน คิดเผื่อนะว่าเดี๋ยวจะไปรวมกับก้อนนั้น หรือถ้าเราดูเห็นเป็นรูปอะไรก็ถูกทั้งนั้นนะไม่ต้องสงสัยเกิดพวกเห็นเป็นอย่างอื่นที่ต่างกัน อันนี้แล้วแต่จินตนาการไม่มีผิดถูกพยายามดูเองเหมือนเราดูทีวีดูไปเรื่อย ๆ ขอย้ำ มันจะเป็นรูปอะไรก็ช่าง เล็กใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญคือดูก้อนเดียว นี่ของดีนะขอบอกอย่าทำเป็นเล่น ก็ดูไปเรื่อย ๆ เหมือนเดิมเราจนกว่าจะเบื่อหรือเลิก นะครับไม่ต้องเน้นอะไรดูเหมือนเราดูของเราปกติแต่อย่าให้มันหลายก้อน เหมือนเมื่อก่อนดูซ๊ะ 180 องศา อย่างนั้นเขาเรียกเหม่อไร้ค่า ไม่ได้อะไร ถ้าเราดูเพียงก้อนเดียวมันจะสนุกกว่าเยอะเลย เดี๋ยวมันเป็นนั่นเป็นนี่ เดี๋ยวแยกเดี๋ยวรวม บางทีก็เป็นรูปนั้นรูปนี้ ดูประมาณนี้ไปสวรรค์ได้ไปนิพพานได้นะไอ้ทำอย่างนี้ แต่ปัญญาต้องรอบหน่อย ไปนั่งเหม่ออยู่บนสวรรค์ก็เท่ไปอีกแบบ แต่ก็อย่าเพิ่งไปสนใจจะได้หรือไม่ได้เราก็ดูของเราไปเรื่อย เดี๋ยวดีเอง ใครจะว่าไร้สาระก็ช่าง วิมานเราเราสร้างเองอยู่เอง เขาไม่ได้มาอยู่ด้วยหรอก อย่าได้แคร์เว้นแต่คุณแม่ขอร้อง ก็ขอจบเรื่องสร้างวิมานในอากาศสำหรับพวกชอบเหม่อดูท้องฟ้าเพียงเท่านี้ก่อนเดี๋ยววันหลังจะมาเล่าให้พวกเหม่อลอย พวกไร้สาระแบบอื่นได้ฟังบ้าง จะมาบอกวิธีเหม่อหลาย ๆ แบบ เช่น วิธีดูกำแพง วิธีดูพระอาทิตย์ วิธีดูอากาศ วันนี้ดูท้องฟ้าไปสบาย ๆ ดูท้องฟ้าแบบลั้นลา ชิว ๆ
* อ้อ ไม่ต้องสนใจเรื่องเวลา ต้องดูเมื่อไร กี่ชั่วโมงกี่่นาที อยากดูก็ดู อยากเลิกก็เลิก